ประวัติวัด
วัดบ้านกลับ เดิมเป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา มีนามตามชื่อบ้าน
ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ คือ นายดอก วีรบุรุษของไทยในศึกค่าย
บางระจัน เป็นคนชาวบ้านกลับและเป็นนายบ้านผู้ก่อตั้งบ้าน กลับ
วัดบ้านกลับ ตั้งอยู่บ้านกลับ หมู่ที่ ๖ ตำบลโพทะเล อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
วัดบ้านกลับนี้เดิมทีชื่อ วัดสวนดอกไม้ วัดนี้ก็ได้ตั้งอยู่ริมน้ำ ชื่อวัดสวนดอกไม้ ต่อมาเปลี่ยนเป็นวัดหนองบ้านกลับ เดิมทีที่นี่สถานที่เป็น
หนอง และได้มีต้นกลับอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งต้นกลับนี้มีลักษณะคล้ายแห้วแต่ไม่ใช่มีหัวคล้ายขิงหรือข่าจัดเป็นวัชพืชชนิดหนึ่ง ภายหลังได้มีการใช้ยากำจัดวัชพืชจึงทำให้ต้นกลับนี้หายสาบศูนย์ไปปัจจุบันคนรุ่นใหม่และเด็ก ๆ แถวนี้ก็ไม่รู้จักว่าต้นกลับมีรูปร่างเป็นลักษณะเช่นไร จากการได้รับฟังมาจาก แม่ป้อม หงษ์ทอง อายุ ๙๐ ปี ซึ่งได้รับฟังมาจากตาเล่าไว้ ซึ่งต่อมาคงได้เปลี่ยนชื่อวัดเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนชื่อของหมู่บ้าน จึงได้ใช้ชื่อว่า วัดบ้านกลับ
ประวัติความเป็นมาของนายดอก
นายดอกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัดบ้านกลับเป็นวีระชนชาวบ้านบางระจัน ๑ใน๑๑คนที่มีจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา
ประวัตินายดอกนั้นเดิมเดิมทีชื่อ ดอกไม้ จากการบอกเล่าของพระครูวิชิตวุฒิคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เก้าต้น ค่ายบางระจัน เป็นครูมวยอยู่แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ ขณะนั้นพม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ผ่านแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ ทำให้นายดอกจำต้องอพยพ ผู้คนมาตั้งหมู่บ้านใหม่ชื่อบ้านตลับ และนายดอกก็เป็นนายบ้าน(ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นบ้านกลับ )ตั้งอยู่ตำบลโพทะเลอำเภอค่ายบางระจันจังหวัดสิงห์บุรีและได้รวบรวมสมัครพรรค พวกซึ่งประกอบไปด้วยนายดอก นายทองแก้วขุนสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจันทร์หนวดเขี้ยว นายทองแสงใหญ่ นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมืองไปรวมตัวกันตั้งค่ายที่วัดโพธิ์เก้าต้นที่ค่ายบางระจัน สู้รบกับพม่าจนตัวเองต้องเสียชีวิตในสนามรบ
วัดนี้คงจะได้รับการกระทบกระเทือนเมื่อคราวข้าศึกรุกรานเหมือนกับวัดอื่น ๆ ในละแวกนี้ ทำให้วัดทรุดโทรมกลายเป็นสภาพวัดร้างไปในบางช่วง ระยะหนึ่งซึ่งยังมีวิหาร และซากฐานเจดีย์เก่าปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐานอยู่บ้าง
ต่อมาชาวบ้านได้ช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นมา เป็นวัดมีพระสงฆ์อีกครั้งหนึ่งนับตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๑๗ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร ได้ผูกพัทธสีมาวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๗
มีโรงเรียนประถมศึกษาของทางราชการตั้งอยู่ที่วัดนี้ด้วย |